การซ่อมบำรุงเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดให้ดีดังเดิม

เมื่อพูดถึงการพิมพ์บาร์โค้ด หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงขั้นตอนของการพิมพ์บาร์โค้ดที่ค่อนข้างใช้เวลามากเป็นพิเศษ ซึ่งขั้นตอนการพิมพ์บางขั้นตอนนั้น เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างเสียเวลามากอยู่ ดังนั้น อาจจะต้องมีการซ่อมบำรุงกันบ้างเพื่อให้การพิมพ์บาร์โค้ดยังคงใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ  สำหรับใครที่ต้องการให้การพิมพ์บาร์โค้ดเป็นส่วนหนึ่งของงานที่สร้างประสิทธิภาพของคุณ การซ่อมบำรุงคือสิ่งที่สำคัญ  โดยวิธีการซ่อมบำรุงมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

1). ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สมัยใหม่อยู่เสมอ

ไม่ใช่ในความหมายที่ว่าการซ่อมจะต้องอยู่ที่ปัญหาตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว แต่คำว่าซ่อมบำรุงเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด หมายถึง กรณีที่คุณมีการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับบาร์โค้ดในปัจจุบันนั้นมีขั้นตอนการพิมพ์แบบใดบ้าง และขึ้นตอนการพิมพ์แบบใดที่สามารถจะนำมาปรับใช้กับงานของตัวเองได้ดีที่สุด คุณควรเลือกพิมพ์บาร์โค้ดในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับตนเองและธุรกิจ

2). ไม่ควรทำให้เกิดปัญหาจากยูสเซอร์

ขึ้นชื่อว่ายูสเซอร์นั้น บางครั้งอาจจะเป็นผู้ที่รู้จักการใช้เพียงอย่างเดียว ซึ่งการใช้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการทะนุบำรุงให้การพิมพ์บาร์โค้ดออกมาดีโดนตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่คุณนั้นควรจะบอกกับยูสเซอร์ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นผู้ใช้กระบวนการพิมพ์บาร์โค้ดเองหรือว่ามีคนช่วยงานคุณอยู่ก่อนแล้วการบอกกล่าวจะทำให้คุณนั้นมีความมั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายในกระบวนการแน่นอน โดยอาจจะต้องหัดซ่อมกันก่อนว่าขั้นตอนการพิมพ์บาร์โค้ดนั้นมีสิ่งใดบ้างที่ต้องระวังเป็นพิเศษ หรือว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นเอง หากไม่สามารถควบคุมการใช้งานของผู้ใช้ได้ นั้นก็คือปัญหาที่ควรแก้ไขก่อนอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะว่าเมื่อปัญหาสะสมนานวัน คุณอาจจะพบว่าการพิมพ์บาร์โค้ดไม่ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพดังเดิมแล้วนั้นเอง

3). ลดการใช้งานเมื่อไม่จำเป็น

เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาที่ทำให้เกิดเครื่องเสียหายนั้นบางครั้งก็เกิดมาจากการที่เราใช้งานเครื่องเสร็จ และไม่ยอมปิดเครื่องนั้นเอง ซึ่งบางคนก็บอกว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ความจริงนั้น การใช้งานของผู้ใช้คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในกรณีถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้คุณควรที่จะทำให้การใช้งานที่ไม่จำเป็นหมดไป ซึ่งการใช้งานที่ไม่จำเป็นมีหลายกรณีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานจำพวกเครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ดพร่ำเพื่อ หรือการพิมพ์บาร์โค้ดสำหรับใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ทว่าไม่ได้นำไปใช้จริง

 

สำหรับใครที่ต้องการลดปัญหาการใช้งานให้ได้มากที่สุดนั้น สิ่งที่ควรพิจารณาคือการพยายามลดปัญหาการใช้งานผิดวิธี สิ่งยิ่งลดปัญหาลง ก็เปรียบเสมือนการซ่อมบำรุงอีกวิธีแล้วนั้นเอง

การใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดในธุรกิจ

การประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าในปัจจุบันนี้ มีมากมายหลากหลาย เจ้าของธุรกิจคงหัวปวดมากกับการที่ต้องนับสินค้าคงคลัง การตรวจสอบจำนวนสินค้าต่างๆ ที่มีมากมาย สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวช่วยให้ปัญหาพวกนี้หายไป ทุกคนคงนึกถึง บาร์โค้ด (barcode) หรือรหัสแท่ง ในปัจจุบันนี้บาร์โค้ดถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบ และติดตามจดจำสินค้า แต่บาร์โค้ดที่แปะไว้กับตัวสินค้านั้นจะเกิดประโยชน์ขึ้นมานั้น ต้องมีเครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Scanner)

 

เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Scanner) จึงเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้ คู่กับบาร์โค้ด หรือรหัสแท่ง และสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการผลิต หรือธุรกิจที่เป็นตัวแทนจำหน่าย ฯลฯ

 

บทความนี้ จะยกตัวอย่างมาเพียงแค่ 1 ธุรกิจ คือ ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า  ปัจจุบันนี้มีผู้ประกิจธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้า หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอยู่หลายรายด้วยกัน ถ้ายกตัวอย่างอย่างเห็นภาพที่สุด คือ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่าง ๆ ทั่วไป เช่น Central , 7 eleven , Tesco Lotus , Tops , Big C และอื่น ๆ อีกมากมาย การดำเนินการในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า จำเป็นต้องเผชิญปัญหากับสินค้ามากมาย การจะให้คนทำหน้าที่นับสินค้า หรือตรวจสอบให้ละเอียดคงเป็นเรื่องที่ยาก และไม่ทั่วถึงแน่นอน เพราะฉะนั้นมนุษย์จงพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมา นั้นก็คือการใช้บาร์โค้ด หรือรหัสแท่ง เข้ามาเพื่อเป็นตัวดูแลสินค้าอีกอย่างหนึ่งเดียว

 

เครื่องอ่านบาร์โค้ดที่ปรากฏอยู่ตามธุรกิจ อย่างเช่นจำหน่ายสินค้า มีทั้งในรูปเครื่องคิดเงิน เครื่องอ่านบาร์โค้ดเคลื่อนที่ มีไว้สำหรับตรวจสอบสินค้า ไปจนถึงเครื่องตรวจจับขโมย ในกรณีที่มีผู้แอบนำสินค้าที่ไม่ได้ผ่านเครื่องคิดเงินออกไปเครื่องตรวจจับขโมยก็จะทำงานจับสัญญาบาร์โค้ดที่อยู่ที่สินค้า ก่อนจะเกิดการส่งเสียงเตือนภัยขึ้น ทำให้ขโมยนั้นหนีไปไม่ได้ แต่เจ้าเครื่องตรวจจับขโมยนี้ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง นั้นก็คือในสินค้นบางชิ้นที่ ไม่ได้มีบาร์โค้ดมาติดมาให้ในตัว แล้วใช้วิธีพิมพ์บาร์โค้ดแปะภายหลัง หัวขโมยก็จะสามารถฉีกกระดาษนั้นออก  จึงทำให้เครื่องตรวจจับ ไม่สามารถอ่านบาร์โค้ดได้ เครื่องก็จะไม่ได้ทำงาน แล้วหัวขโมยก็จะหลบหนีไปได้

 

เครื่องอ่านบาร์โค้ดสำหรับคิดเงินสินค้านั้น จะปรากฏอยู่ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เรียกว่า ถ้าใครไปแล้วไม่เคยเห็นนี่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ เครื่องคิดเงิน กับห้างสรรพสินค้านี่เรียกว่าขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว เพราะถ้าจะให้พนักงานมานั่งคิดเลขสินค้าทีละตัว ด้วยตัวเอง มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และลำบาก แถมเสียเวลาในการทำงานด้วย การใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดนั้น จึงเป็นเครื่องทุ่นเวลาไปได้เลย เพราะเพียงแค่นำสินค้ามาสแกนบาร์โค้ดที่ติดอยู่กับตัวสินค้าเพียงเท่านั้น รายละเอียดและราคาก็จะถูกคิดคำนวณบันทึก และปรากฏขึ้นมาทันที ช่วยให้พนักงานมีความสะดวกมากขึ้น อีกทั้งผู้ซื้อสินค้าก็สามารถตรวจสอบได้ทางหน้าจอของเครื่องอ่านบาร์โค้ดนั้นด้วย

 

เครื่องอ่านบาร์โค้ด จึงเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นมาก สำหรับธุรกิจที่จัดจำหน่ายสินค้า ทั้งยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการใช้เครื่องบาร์โค้ดเป็นอุปกรณ์ช่วยอีก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตสินค้า กิจการให้บริการต่าง ๆ อย่างโรงหนัง หรือ สวนสนุก ที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นอย่างมากมาย หรือแม้แต่กิจการโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยบางแห่ง ก็จำเป็นที่ต้องใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด สำหรับเช็คชื่อนักเรียน / นักศึกษา เวลาเข้าใช้บริการต่าง ๆ ภายในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย เช่น สหกรณ์ ห้องสมุด เป็นต้น

 

 

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดในการทำธุรกิจ

ถ้าพูดถึงเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด  ทุกคนคงนึกถึง รหัสแท่ง หรือ บาร์โค้ดตามฉลากสินค้าทั่วไปซึ่ง บาร์โค้ด (barcode) หรือรหัสแท่งนั้น เป็นวิธีที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ตรวจสอบสินค้าขณะขาย ส่งมอบหรือรับเข้า เพราะช่วยให้ง่ายในการตรวจสอบยอดขาย และจำนวนสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการพิมพ์รหัสแท่งในปัจจุบันสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด Barcode Printer และสามารถอ่านรหัสแท่งที่พิมพ์ขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องอ่านบาร์โค้ด Barcode Scanner ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วและประหยัดเวลาในการตรวจนับสินค้าและเช็คยอดขายไปได้เป็นอย่างมาก หากเทียบกับวิธีการตรวจนับบัญชีในอดีต ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้รหัสแท่งให้เข้ากับการทำงานของ เครื่องอ่านบาร์โค้ด มือถือ Mobile computer ซึ่งทำให้สามารถพกพาได้สะดวกมากขึ้น สามารถสแกน และเก็บข้อมูลได้เลย หรือสามารถแสดงผลตรวจสอบการจัดเก็บและประมวลในด้านอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วยได้ เช่น ตัวเลขที่พ่วงมากับรหัสแท่ง เป็นต้น

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดมักถูกออกแบบมาให้มีหน้ากว้าง เครื่องพิมพ์จะถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับการพิมพ์สติ๊กเกอร์รหัสแท่งโดยเฉพาะ คือ ประมาณ 4 นิ้ว เพื่อให้เป็นมาตรฐานในการใช้งานกับทุกธุรกิจ และขนาดหมึกพิมพ์ริบบอนก็จะมีหน้ากว้างที่พอดีกับเครื่องพิมพ์เช่นกัน  โดยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้หลากหลาย ทั้งธุรกิจผู้ผลิตสินค้าไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุที่ใช้สำหรับยานยนต์หรือสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อสินค้าที่เราผลิตขึ้นมาสามารถถูกตรวจสอบโดยร้านจัดจำหน่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น สะดวกและรวดเร็วเมื่อผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าไปใช้นั้นเอง  ซึ่งกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตเหล่านี้ ยังสามารถนำ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายนอกเหลือจากการพิมพ์บาร์โค้ดได้อีกด้วย เพราะเครื่องพิมพ์ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายสะดวก สามารถพิมพ์ได้ทั้งรหัสแท่ง ข้อความหรือรูปภาพต่าง ๆ ได้นั่นเอง อีกทั้งยังสามารถนำมาปรับรูปร่างของสติ๊กเกอร์ได้หลากหลายขนาด โดยที่ไม่ต้องเสียเวลามานั่งตัดสติ๊กเกอร์เป็นชิ้น ๆ ในภายหลังอีกด้วย

คุณสมบัติริบบอน ผ้าหมึก (Ribbon Barcode)

ริบบอน หรือผ้าหมึกต้องใช้คู่กับสติ๊กเกอร์เพื่อใช้พิมพ์กับบาร์โค้ด ฉลาก ป้ายสินค้า สามารถพิมพ์ใส่โลโก้ และใส่ชื่อบริษัท กับองค์กรต่าง ๆ ได้ รวมถึงระบุน้ำหนัก และวันหมดอายุได้  รวมถึงการพิมพ์แบบรันนัมเบอร์ได้ โดยที่ริบบอนจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ และคุณสมบัติของริบบอน หรือผ้าหมึกจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน และความพอใจของลูกค้า ข้อแตกต่างในการเลือกใช้งานริบบอน มีดังนี้

1). Ribbon Wax เป็นหมึกพิมพ์ริบบอนสำหรับเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด หรือ Printer Barcode เหมาะกับสติ๊กเกอร์ธรรมดา สติ๊กเกอร์กึ่งมันกึ่งด้าน สติ๊กเกอร์อาร์ตมัน สามารถประยุกต์ใช้กับงานพิมพ์ป้ายชื่อ ป้ายราคา พิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ดติดสินค้าได้หลากหลาย ตามความต้องการของลูกค้า ริบบอนชนิดนี้มีส่วนผสมของแว็กซ์มากกว่าชนิดอื่น จึงมีคุณสมบัติแตกต่างออกไป ดังนี้

– ราคาถูกที่สุด ช่วยลดต้นทุนในการซื้อสินค้า

– ใช้ความร้อนในการพิมพ์ต่ำ ทำให้ความร้อนของหัวพิมพ์ลดลง ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานของหัวพิมพ์

– พิมพ์งานได้ดีมีความคมชัด

– ไม่ค่อยทนทานต่อการขูดขีด ใช้งานได้ดีในอุณหภูมิปกติ ทนความชื้นได้ในระดับหนึ่ง เหมาะกับงานบาร์โค้ดสินค้าทั่วไปที่มีการขายเปลี่ยนมือรวดเร็ว เช่น ฉลากติดอาหารสดและผักผลไม้ ไม่เหมาะติดสินค้าที่มีการเสียดสีกัน

 

2). Ribbon Resin เป็นริบบอนที่มีทนทานต่อการขูดขีด ไม่หลุดลอก มักนิยมใช้กันในงานพิมพ์ติดบนวัสดุพื้นผิวมันวาว เช่น BOPP, FOIL, LAMINATE, POLY, PP WHITE VOID และ UPO เหมาะสำหรับการพิมพ์สติ๊กเกอร์ บาร์โค้ด พีวีซี ติดฉลากบนสินค้าที่มีความทนทาน เช่น แกลลอนน้ำมัน เครื่องใช้ไฟฟ้า และฉลากรับประกันคุณภาพสินค้าที่มีการรับประกันยาวนาน มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้

– ราคาค่อนข้างสูง

– มีคุณสมบัติคือยึดติดพื้นผิวได้ดี มีความคมชัดและสวยงาม พิมพ์แล้วติดทนนานกว่าทุกชนิด เหมาะกับสติ๊กเกอร์เนื้อพิเศษที่มีผิวเรียบและมันวาว

– เนื้อสติ๊กเกอร์เป็นพลาสติก PVC มีทั้งแบบใสและสีขาว ใช้งานได้หลอกหลายแบบ ทนต่อการฉีกขาด ทนต่อรอยขีดข่วน ทนต่อความร้อน กันน้ำ ทนแสงแดดและความร้อนได้ดี เหมาะกับการนำไปใช้ในงานเครื่องสำอาง สินค้าในห้องเย็น ฉลากรับประกันสินค้าอายุการใช้งานนานกว่า 5 ปี

– เนื้อสติ๊กเกอร์เป็นพลาสติก PE, PP มีทั้งแบบใส และสีขาว เนื้อเป็นวัสดุเหนียว ทนทาน ฉีกขาดยาก เหมาะสำหรับติดฉลากสินค้าที่อยู่ในห้องเย็นใช้ในอุณหภูมิติดลบ เหมาะกับการนำไปใช้งานสินค้าแช่แข็ง หรือยาที่ต้องเก็บในอุณหภูมิเย็น

– เนื้อพลาสติกเป็น โพลีเอสเตอร์ PET มีแบบสีขาว และสีเงิน เนื้อวัสดุเหนียว แข็งแรง ทนทาน

– ใช้งานได้ดีในอุณหภูมิสูง ทนความร้อนสูง เช่น ติดฉลากที่อะไหล่ยนต์ หม้อน้ำรถยนต์

– ทนทานความร้อน และสารเคมี เหมาะกับงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น รถยนต์ ปิโตรเลียม เคมี ฉลากสินค้าที่มีสารเคมีและต้องโดนน้ำ ผลิตภัณฑ์และของใช้ในห้องน้ำ สินค้าในห้องเย็น

 

3). Ribbon Wax/Resin เป็นริบบอนเป็นเนื้อที่ผสมระหว่างแว็กซ์ กับเรซิน เหมาะกับงานพิมพ์บนกระดาษผิวมัน เช่น กระดาษอาร์ตมัน กระดาษเคลือบฟิล์มพลาสติก (BOPP) กระดาษยูโป้ (UPO) เนื้อหมึกมีคุณภาพสูง ยึดติดกับพื้นผิวได้ดี พิมพ์แล้วติดทนนานและทนต่อรอยขูดขีดกว่าริบบอนแบบแว็กซ์ธรรมดา นิยมไปใช้ในงานพิมพ์อุตสาหกรรม เหมาะสำหรับงานห้องเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำระหว่าง 0 ถึง -40 องศา มีคุณสมบัติแตกต่างออกไป ดังนี้

– ราคาไม่แพง ใกล้เคียงกับราคาริบบอนแบบแว็กซ์

– มีความคมชัดสูง การพิมพ์สวยงาม มีความคมชัด ทนทานต่อการขูดขีดในระดับหนึ่ง

– ทนความชื้นได้ดี ส่วนมากนิยมใช้ในงานพิมพ์ในอุตสาหกรรม เหมาะสำหรับงานห้องเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำระหว่าง 0 ถึงติดลบ -40 องศา

– ติดทนทานมาก เหมาะสำหรับงานพิมพ์บาร์โค้ดบนสินค้าที่ใช้เป็นเวลานาน

 

ในเรื่องของริบบอน หรือผ้าหมึก (Ribbon) และสติ๊กเกอร์มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด โดยทั่วไปนิยมใช้ริบบอนแบบแว็กซ์ด้วยเหตุผลที่มีราคาถูกช่วยลดต้นทุน และช่วยถนอมหัวพิมพ์ เพื่อจะประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดี ริบบอนแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมของสารเคมีไม่เหมือนกัน มีข้อแตกต่างในการเลือกใช้งาน เพื่อให้คุณภาพของการพิมพ์มีความสวยคมชัด มีความทนทาน ไม่ฉีกขาดง่าย ยึดติดกับพื้นผิวได้ดี กันน้ำ ทนความร้อน จึงควรพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสม และถูกต้องตามลักษณะการใช้งานของลูกค้า

การพิมพ์บาร์โค้ดเบื้องต้น

การพิมพ์บาร์โค้ดเบื้องต้น มี2แบบ คือ

  1. การพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน หรือผ้าหมึก (Thermal Transfer)

การพิมพ์แบบโอนความร้อนผ่านริบบอนหรือผ้าหมึก (Thermal Transfer)  คือการพิมพ์แบบ Thermal Transfer คือเมื่อความร้อนจากหัวพิมพ์ถ่ายโอนไปยังริบบอน วัสดุหรือหมึกบนริบบอนจะย้ายไปติดยังสติ๊กเกอร์

บาร์โค้ด (Barcode label) การพิมพ์แบบโอนถ่ายความร้อนผ่านผ้าหมึกยังลดแรงเสียดทานของหัวพิมพ์กับสติ๊กเกอร์บาร์โค้ด เนื่องจากหัวพิมพ์ไม่ต้องสัมผัสโดยตรงกับเนื้อสติ๊กเกอร์โดยตรง จึงช่วยยืดอายุของหัวพิมพ์ให้ใช้งานได้นานขึ้น การพิมพ์แบบใช้ริบบอน ยังสามารถเลือกใช้ริบบอน และสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดหรือลาเบล (Barcode Label) ได้หลากหลายชนิดอีกด้วย

  1. การพิมพ์ผ่านความร้อนโดยตรง (Direct Thermal)

การพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรง (Direct Thermal)  คือการพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรง คือการพิมพ์แบบหัวพิมพ์สัมผัสกับผิวหน้ากระดาษสติ๊กเกอร์โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ริบบอน โดยผิวหน้าของสติ๊กเกอร์นั้นจะเคลือบด้วยสารเคมี เมื่อโดนความร้อนสติ๊กเกอร์จะเปลี่ยนเป็นสีดำ เพราะเหตุนี้เองการพิมพ์แบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ริบบอน

วิธีการพิมพ์แบบนี้อาจดูเหมือนจะประหยัดกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อริบบอน แต่วิธีการแบบนี้จะส่งผลให้หัวพิมพ์เสียเร็วกว่าการพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนผ่านริบบอน เนื่องจากหัวพิมพ์ต้องสัมผัสกับผิวเนื้อกระดาษสติ๊กเกอร์โดยตรง ผิวเนื้อกระดาษที่หยาบจะทำให้หัวพิมพ์เสียเร็วขึ้น

ข้อเสีย  ในการพิมพ์ Direct Thermal ก็คือว่าสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองตลอดเวลาและงานพิมพ์จะจางหายไปสีเทาจาง ๆ สติ๊กเกอร์ที่พิมพ์แล้วจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 6 เดือนเท่านั้น

คุณสมบัติ และข้อสังเกตเนื้อวัตถุดิบ

คุณสมบัติของสติ๊กเกอร์ และข้อสังเกตเกี่ยวกับเนื้อวัตถุดิบ มีประเภทต่าง ๆ ดังนี้

  1. เนื้อกึ่งมันกึ่งด้าน – เนื้อสติ๊กเกอร์กึ่งมันกึ่งด้าน ข้อสังเกตคือ เนื้อจะมีทั้งความมัน และด้าน ใช้สำหรับติดในสินค้าทั่วไป ใช้ในอุณหภูมิปกติ ใช้งานประเภท ติดพลาสติก สินค้าในครัวเรือน อุปกรณ์เครื่องเขียน กล่องต่าง ๆ และควรใช้กับริบบอนที่เป็นเนื้อ WAX
  2. 2. เนื้อขาวด้าน -เนื้อสติ๊กเกอร์ขาวด้าน ข้อสังเกตคือ เนื้อสติ๊กเกอร์จะหยาบ สาก เป็นขุย ใช้สำหรับติดในสินค้าทั่วไป ใช้ในอุณหภูมิปกติ หน้าสัมผัสไม่มัน เหมาะสำหรับใช้ในงานที่ไม่ต้องการความสวยงามมากนัก และควรใช้กับริบบอนที่เป็นเนื้อ WAX
  3. เนื้อฟอยด์เงินด้าน 25 ไมครอน / 50 ไมครอน -เนื้อสติ๊กเกอร์ฟอยด์เงิน ข้อสังเกตคือ เนื้อจะเป็นสีเงินด้าน ใช้สำหรับติดในสินค้าเครื่องใช้สำนักงาน ใช้ในอุณหภูมิติดลบได้ เนื้อสติ๊กเกอร์ฉีกไม่ขาด ใช้ในงานเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกประเภท  และควรใช้กับริบบอน WAX RESIN และ ริบบอน RESIN
  4. เนื้อโพลีเอสเตอร์ขาวมัน -เนื้อสติ๊กเกอร์โพลีเอสเตอร์ขาวมัน ข้อสังเกตคือ เนื้อสติ๊กเกอร์เป็นสีขาว ใช้สำหรับติดในสินค้าเครื่องใช้สำนักงาน  ใช้ในอุณหภูมิติดลบได้ เนื้อสติ๊กเกอร์ฉีกไม่ขาด  ใช้ในงานที่เกี่ยวกับเทป ซีดี ต่างๆ ประเภทอาหาร ขนมต่างๆ และควรใช้กับริบบอน WAXRESIN
  5. เนื้อพีพี / เนื้อพีพีใส / เนื้อพีพีขาว / เนื้อพีพีขาวมัน / เนื้อพีพี MATT YUPO หรือ POLYESTER -เนื้อสติ๊กเกอร์พีพี ข้อสังเกตคือ ใช้สำหรับติดในสินค้าห้องเย็น หรือใช้ในอุณหภูมิที่ติดลบได้ เนื้อสติ๊กเกอร์ฉีกไม่ขาด ส่วนมากจะนำไปใช้ติด อาหารแช่แข็ง เช่น ใช้ติดไก่แช่แข็ง และควรใช้กับริบบอน WAXRESIN และ ริบบอน RESIN
  6. เนื้อ พีวีซี ใส -เนื้อสติ๊กเกอร์พีวีซีใส ข้อสังเกตคือ เนื้อสติ๊กเกอร์จะเป็นเนื้อใส ใช้สำหรับปิดทับบนสติ๊กเกอร์ เนื้อสติ๊กเกอร์ฉีกไม่ขาด ใช้สำหรับติดเครื่องปรับอากาศ งานรถยนต์ติดกระจก และควรใช้กับริบบอน RESIN
  7. เนื้อทรานเฟอร์ -เนื้อสติ๊กเกอร์ทรานเฟอร์ ข้อสังเกตคือ เนื้อกระดาษจะเนียนสวย และหนากว่ากึ่งมันกึ่งด้าน ใช้สำหรับติดในสินค้าที่ส่งออก ให้ความคมชัดสูง และควรใช้กับริบบอน WAX
  8. เนื้อยูโป้ (พายแม็ค) -เนื้อสติ๊กเกอร์ยูโป้ ข้อสังเกตคือ ใช้สำหรับติดในสินค้าห้องเย็น ในอุณหภูมิที่ติดลบ ถึง อุณหภูมิที่ร้อนเดือน สามารถติดแล้วนำลงต้มในน้ำเดือนได้ กาวไม่หลุด และควรใช้กับริบบอน RESIN
  9. เนื้อ ขาวเงา/ขาวมัน -เนื้อสติ๊กเกอร์ ขาวเงา/ขาวมัน ข้อสังเกตคือ สติ๊กเกอร์จะมีความมันวาว และหนา ใช้สำหรับติดสินค้าที่อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำ หรือที่มีความชื้นบ้าง และควรใช้กับริบบอน WAX
  10. เนื้อไดเร็คเทอร์มอลล์ -เนื้อสติ๊กเกอร์ไดเร็คเทอร์มอลล์ ข้อสังเกตคือ เป็นสติ๊กเกอร์ที่เคลือบสารเคมี  ใช้สำหรับติดสินค้าที่มีรอบการจำหน่ายเร็ว  และสติ๊กเกอร์ชนิดนี้ไม่ต้องใช้ริบบอน แต่จะให้สีดำเมื่อผ่านหัวพิมพ์ความร้อน

 

ผ้าหมึกริบบอน (Ribbon Barcode)

ริบบอนบาร์โค้ด หรือ หมึกพิมพ์บาร์โค้ด (Ribbon Barcode) ที่ใช้งานคู่กับ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด (Barcode Printer) มี 3 ชนิด ดังนี้

1). ริบบอนแว็กซ์ (Ribbon Wax)  เป็น ริบบอนที่มีส่วนผสมจาก wax 100% โดยส่วนใหญ่จะมีชั้นของ ริบบอน เพียงชั้นเดียว ซึ่ง ริบบอนแว็กซ์ ชนิดนี้จะมีจุดหลอมเหลวที่ต่ำกว่า ทำให้สามารถพิมพ์บาร์โค้ด ได้ด้วยความร้อนต่ำ ซึ่งทนต่อการขูดขีดต่ำที่สุด มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับ งานพิมพ์ฉลากทั่วไป งานพิมพ์วัสดุสิ้นเปลือง ซึ่งใช้แล้วทิ้ง เพราะเนื้อริบบอนมีความทนทานต่ำกว่าชนิดอื่น

 

2). ริบบอนแว็กซ์ เรซิ่น (Ribbon Wax- Resin) เป็น ริบอน Wax ที่มีผสมจาก Resin เพื่อให้ทนต่อการขูดขีดได้ดีขึ้น และสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำได้ดี ริบบอนชนิดนี้เหมาะสำหรับงานพิมพ์บาร์โค้ด ที่ต้องการทนทานต่อความชื้นสูง ทนทานต่อการขูดขีดได้ดีในระดับหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การพิมพ์งานที่เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารสด อาหารแช่แข็ง ริบบอนแว็กซ์ เรซิ่นจะมีคุณสมบัติที่ทนทานต่ออุณหภูมิต่ำได้ดี

 

3). ริบบอนเรซิ่น (Ribbon Resin) เป็น ริบบอนคุณภาพสูง ออกแบบมาเพื่อนให้ทนทานต่อการขูดขีด ทนทานต่อสารเคมีได้ดีเยี่ยม สามารถใช้กับ สติ๊กเกอร์ ได้ทุกชนิด ให้ความคมชัดในการพิมพ์สูง มีสารเคลือบป้องกันไฟฟ้าสถิต อีกทั้งยังช่วยยืดอายุของหัวพิมพ์ และติดสติ๊กเกอร์เป็นเวลานาน ไม่หลุดลอก

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก หรือ Desktop Barcode Printer

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก หรือ Desktop Barcode Printer

สำหรับ เอสเอ็มอี SME หรือ โอทอป OTOP หรือ ธุรกิจ โรงงาน ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลาง หากต้องการใช้ระบบงานบาร์โค้ด เรียกได้ว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเริ่มระบบงานบาร์โค้ด ด้วยเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก หรือ Desktop Barcode Printer

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ในกลุ่มนี้มีขนาด กะทัดรัด ไม่กินพื้นที่ และมาพร้อมกับสเปคที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนพอสมควร ทั้งทางด้านความสะดวก และง่ายในการใส่กระดาษ และหมึกพิมพ์ รองรับความยาวของหมึกพิมพ์ ได้สูงขึ้น บางรุ่นรองรับแกนหมึกพิมพ์ได้ทั้ง 0.5 นิ้ว และ 1.0 นิ้ว

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก หรือ Desktop Barcode Printerบางรุ่นจะมีช่องทางการเชื่อมต่อ (Communication Port) กับเครื่อง PC แบบครบครัน ทั้ง USB, RS232 และ LAN Portมีหน่วยความจำที่มากขึ้น ช่วยให้พิมพ์งานได้เร็วขึ้นและรองรับรายละเอียดของงานพิมพ์บนสตีกเกอร์ได้มากขึ้นมีความละเอียดของหัวพิมพ์ขนาด 200 จุด สำหรับงานพิมพ์ทั่วไปและหัวพิมพ์ละเอียด 300 จุดสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความสวยงาม มากยิ่งขึ้น

และเมื่อใช้เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก ร่วมกับ โปรแกรมบาร์โค้ด หรือโปรแกรมพิมพ์บาร์โค้ด โปรแกรมบาร์เทนเดอร์ จะยิ่งทำให้งานพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด หรืองานพิมพ์ฉลาก มีความชัดเจน สวยงาม และยืดหยุ่นต่อการใช้งานแบบหลากหลาย

ดังนั้นหน่วยธุรกิจขนาดเล็ก จนถึงขนาดกลางส่วนใหญ่ จึงหันมาใช้เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก เพราะนอกจากจะได้เครื่องพิมพ์ที่ตอบสนองต่อการทำงานแล้ว ยังถือเป็นการประหยัดงบประมาณไปได้มากเลยทีเดียว เนื่องจากราคาของเครื่องพิมพ์มีตั้งแต่ใกล้ๆ หมื่น ไปจนถึงหมื่นปลายๆ เท่านั้นเอง

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด ขนาดเล็ก เหล่านี้สามารถจัดการงานพิมพ์ทางด้าน สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด, ตั๋ว Tags และแถบรัดข้อมือ Wristbands หรือจะเป็น ป้ายบอกราคา งานคลังสินค้า ระบบโลจิสติกส์ งานกระจายสินค้า จัดส่งสินค้า กิจการโรงพยาบาล เช่น พิมพ์ฉลากปิดหลอดทดลอง ซองยา หรือ รหัสผู้ป่วย เวชระเบียน เป็นต้น หรือจะประยุกต์ใช้ในโรงงานขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง ในกระบวนการผลิต ติดตามสินค้า พาเลท หรือ คาร์ตัน เป็นต้น

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด หรือ เครื่องพิมพ์ฉลาก หรือ เครื่องพิมพ์ตั๋ว คืออะไร

เครื่องพิมพ์ บาร์โค้ด หรือเรียกว่า เครืองพิมพ์ ฉลาก หรือเรียกว่า เครื่องพิมพ์ ตั๋ว ( Barcode Printer or Label Printer or Ticket Printer or Tag Printer )  จัดว่าเป็นเครื่องพิมพ์เฉพาะทาง ที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการพิมพ์ฉลาก หรือ สติ๊กเกอร์ ทั้งที่มีรหัสบาร์โค้ด หรือไม่มีรหัสบาร์โค้ด ก็ได้ หรือจะพิมพ์เป็น ตั๋ว หรือ แท็ก ก็ได้ เช่น สติ๊กเกอร์ปิดชื่อสินค้า สติ๊กเกอร์ปิดซองยา สติ๊กเกอร์ปิดกล่องสินค้าสำหรับงานคลังสินค้า หรือทางด้าน โลจิสติก หรือ ขนส่ง หรือ งานทางด้านบริหารทรัพย์สิน หรือใช้พิมพ์ตั๋วชมภาพยนตร์ หรือ การแสดงโชว์ต่างๆ เป็นต้น

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด, เครื่องพิมพ์ฉลาก, เครื่องพิมพ์ตั๋ว เหล่านี้ บางครั้งถูกเรียกว่า เครื่องพิมพ์ความร้อน ซึ่งเรียกตามลักษณะการพิมพ์ของเครื่อง คือ เมื่อมีการสั่งพิมพ์ เครื่องพิมพ์จะปล่อยความร้อนออกมาที่หัวพิมพ์ ทำให้เกิดเป็นข้อความ ลวดลายต่างๆ และรหัสบาร์โค้ด ตามที่เราต้องการ

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด, เครื่องพิมพ์ฉลาก, เครื่องพิมพ์ตั๋ว หรือเครื่องพิมพ์ความร้อน แบ่งออกเป็น 2 แบบ ใหญ่ๆ คือ เครื่องพิมพ์แบบ Direct Thermal และ เครื่องพิมพ์แบบ Thermal Transfer ดังนี้

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด, เครื่องพิมพ์ฉลาก, เครื่องพิมพ์ตั๋ว หรือเครื่องพิมพ์ความร้อน แบบ Direct Thermal : เป็นเครื่องพิมพ์ ที่จะส่งความร้อนจากหัวพิมพ์ Print Head ไปยังตัวสติ๊กเกอร์โดยตรง โดยไม่ต้องมีผ้าหมึก หรือ Ribbon  นั่นคือพิมพ์สติ๊กเกอร์ได้ โดยไม่ต้องใช้ Ribbon นั่นเอง แต่ตัวสติ๊กเกอร์ ต้องเป็นสติ๊กเกอร์แบบพิเศษ คือมีการเคลือบสารเคมีที่ไวต่อความร้อน ไว้ที่ผิวหน้าของสติ๊กเกอร์ เพื่อให้ทำปฎิกิริยากับความร้อนแล้วกลายเป็นสีดำนั่นเอง  ลักษณะงานประเภทนี้มักจะเป็นงานที่ไม่ต้องติดสติ๊กเกอร์ไว้นานๆ เช่น ในส่วนอาหารสดตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านขนมที่ต้องแช่เย็น หรือพิมพ์ตั๋วชมภาพยนตร์ หรือการแสดงต่างๆ เป็นต้น

 

เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด, เครื่องพิมพ์ฉลาก, เครื่องพิมพ์ตั๋ว หรือเครื่องพิมพ์ความร้อน แบบ Thermal Transfer: เป็นเครื่องพิมพ์ ที่จะส่งความร้อนจากหัวพิมพ์ Print Head ผ่านตัวผ้าหมึก หรือ Ribbon ไปยังตัวสติ๊กเกอร์ หรือต้องใช้ Ribbon ในการพิมพ์นั่นเอง ประยุกต์ใช้ได้กับงานหลากหลาย ทั่วไป เช่น ในคลังสินค้า โลจิสติก ไปจนถึงติดที่หีบห่อ หรือ ตัวสินค้าทั่วไป

การยืดอายุ การใช้งานหัวพิมพ์ ปริ้นเตอร์บาร์โค้ด

การทำความสะอาด หัวพิมพ์

  • ฝุ่น สิ่งสกปรก คราบกาวจากกระดาษสติ๊กเกอร์ มีผลต่อคุณภาพการใช้งานของการพิมพ์ รวมถึงอายุการใช้งานของหัวพิมพ์ด้วย

วิธีทำความสะอาดหัวพิมพ์

  1. ปิด สวิตซ์ เครื่องพิมพ์
  2. ยกชุดแกน ริบบอนขึ้น
  3. ถอด ริบบอน ออก เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
  4. ใช้ผ้า หรือสำลี ชุบแอลกฮอล์ หมาดๆ เช็ดบริเวณหัวพิมพ์ ไปในทิศทางเดียวกัน
  5. ระวังอย่าให้มีเศษ ผ้า หรือ สำลี ตกค้างบริเวณหัวพิมพ์
  6. รอจนกว่าหัวพิมพ์แห้ง จึงทำงานต่อตามปกติ

คำเตือน

  • ห้ามใช้ ทิชชู่ ที่มีขุย ในการเช็ดหัวพิมพ์
  • ควรทำความสะอาดอย่างน้อย 1ครั้ง/สัปดาห์ หรือทุกครั้งหลังมีการใช้งานเครื่อง

 

อ้างอิงจาก http://www.theperfect-labelbarcode.com

 

การประยุกต์ใช้ริบบอนบาร์โค้ดในวงการต่างๆ

ริบบอนบาร์โค้ด คือผ้าหมึกพิมพ์บาร์โค้ด ที่สามารถจำแนกได้ 3 ประเภท

 

  1. Wax ribbon 2. Resin ribbon  3. Wax resin ribbon  ข้อแตกต่างในการเลือกใช้งาน Wax ribbon ที่เหมาะกับกระดาษแบบธรรมดา เช่น TTR และ TAG เป็นต้น ใช้ในการติดบาร์โค้ดในสินค้าทั่วไป ส่วนลักษณะที่นำไปใช้คือเป็นหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์ตัวบาร์โค้ด แบบ wax ribbon มาประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ ได้ดังนี้ การพิมพ์สติ๊กเกอร์ในกระดาษธรรมดา กระดาษกึ่งมันกึ่งด้าน ป้ายกระดาษ และเหมาะที่สุดสำหรับพิมพ์บนสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดเนื้อกึ่งมันกึ่งด้าน ได้งานพิมพ์ที่ดำ-เงา สวยงาม แต่จะไม่ทนความร้อน ต่อแรงขูดขีด ความเย็นและความชื้นอีกด้วย

ริบบอนบาร์โค้ด ที่ราคาถูกนั้นสามารถใช้ได้หลากหลายกับงานบาร์โค้ดอุตสาหกรรมทั่วไป เครื่องพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด ที่เหมาะกับ wax ribbon ใช้ได้ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ เนื้อริบบอนมีทั้ง free in/free out สามารถใช้ได้กับในทุกยี่ห้อ Resin ribbon เป็นริบบอนที่เหมาะกับสติ๊กเกอร์บาร์โค้ดเนื้อ POLY หรือ LAMINATE เป็นต้น ซึ่งเป็นริบบอนที่ทนต่อการขูดขีดไม่หลุดลอก ทนต่อสภาพสารเคมีได้ดีที่สุด

    ลักษณะการใช้งานของหมึกพิมพ์ริบบอนสำหรับเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดชนิดนี้ สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานต่าง ๆ ได้ดังนี้ การพิมพ์สติ๊กเกอร์บาร์โค้ดเนื้อกระดาษทั่วไป ในอุณหภูมิปกติมีคุณสมบัติเกาะพื้นผิวสติ๊กเกอร์ที่มีผิวเรียบมันมีความมันวาวสูง ทนต่อความร้อน กันน้ำและกันความชื้นได้ดี ไม่หลุดลอกสามารถคงทนอยู่ได้นานหลายปี เหมาะใช้ในงานด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ พิมพ์ฉลากเสื้อผ้า ฉลากรับประกันสินค้า และอีกหลากหลายกับสินค้าทั่วไป ซึ่งราคาของเรซิ่นริบบอนนั้นจึงมีราคาที่สูงตามไปด้วย ส่วน Wax resin ribbon เป็นริบบอนที่มีเนื้อผสมระหว่าง wax และ resin ที่เหมาะกับการพิมพ์บนกระดาษที่มีพื้นผิวมัน

    ส่วนลักษณะงานที่ใช้กับหมึกพิมพ์สำหรับหมึกพิมพ์ชนิดนี้ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานต่าง ๆ ได้คือ งานพิมพ์บนกระดาษผิวมัน สามารถยึดติดกับพื้นผิวได้ดีกว่าแบบ wax ribbon เหมาะกับสติ๊กเกอร์เนื้อ ART PAPER,BOPP และ UPO เหมาะกับการพิมพ์ที่ต้องการหมึกที่ติดทนนานยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้งานในด้านอุตสาหกรรม จะใช้ในประเภทห้องเย็น ห้องแช่แข็งไอศกรีม ที่ไม่หลุดลอก สามารถทนความชื้นและความเย็นได้อุณหภูมิ 0 ถึง -40 องศา

    ริบบอนบาร์โค้ด ทั้ง 3 ประเภทนี้ สามารถใช้ได้กับขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ได้ทุกยี่ห้อ ตามความเหมาะสมของธุรกิจนั้น ๆ และมีความหลากหลายในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสินค้าแต่ละประเภท อุตสาหกรรม ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาในการทำงาน ซึ่งสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือคุณสมบัติของริบบอนตรงพื้นผิวด้านหลังของริบบอน ต้องสามารถยืดอายุหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดอีกด้วย

บาร์โค้ด มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจอย่างไร?

บาร์โค้ด มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจอย่างไร?

บาร์ โค้ด หมายถึง เลขหมายประจำตัวสินค้า ใช้แทนด้วยแท่งบาร์สี ขาว-ดำ เรียงเข้าด้วยกัน และประกอบด้วยตัวเลข มี 8-13 หลัก สามารถอ่านได้ด้วยเครื่องสแกนเนอร์ โดยอาศัยหลักของการสะท้อนแสง นิยมใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิด และสินค้าสำเร็จรูปต่าง ๆ

การออกเลขหมายให้กับสินค้าแต่ละตัวจะช่วยให้การติดต่อกันระหว่างผู้ค้า (ผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง ผู้จัดจำหน่าย และผู้ค้าปลีก) สามารถทำงานได้เร็วราวและราบรื่นขึ้น เปรียบได้กับบัตรประจำตัวประชาชนที่เป็นเครื่องชี้บอกถึงความแตกต่างกันของแต่ละคน เลขหมายประจำตัวสินค้าก็เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความแตกต่างของสินค้าชนิดนั้นกับสินค้าอื่น ๆ

สินค้าทุกชนิดที่มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น ขนาด สี จำนวนบรรจุ จะมีเลขหมายประจำตัวสินค้าต่างกัน ตัวอย่างเช่น ไอศกรีมรสวนิลาจะมีเลขหมายประจำตัวคนละเลขหมายต่างจากไอศกรีมรสช็อกโกแลต หรือในกรณีกล่องใหญ่ที่บรรจุด้วยถ้วย 12 ใบ จะมีเลขหมายประจำตัวแตกต่างจากถ้วย 1 ใบ

บาร์โค้ดช่วยอะไรได้บ้าง

การนำบาร์โค้ดมาใช้ในธุรกิจการค้าจะมีคุณประโยชน์หลายประการ คือ

ลดขั้นตอนและประหยัดเวลาการทำงาน การซื้อ-ขาย สินค้าจะมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการรับชำระเงิน การออกใบเสร็จ การตัดสินค้าคงคลัง

ง่ายต่อระบบสินค้าคงคลังคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมกับเครื่องสแกนเนอร์จะตัดยอดสินค้าโดยอัตโนมัติ จึงสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการหมุนเวียนสินค้า หรือสินค้ารายการใดจำหน่ายได้ดีหรือไม่ดี มีสินค้าคงเหลือจำนวนเท่าใด  ยกระดับมาตรฐานของสินค้า การระบุแหล่งผลิตของประเทศในแต่ละราย ทำให้ผู้ผลิตปรับปรุงคุณภาพเพื่อรักษาภาพพจน์ของสินค้าและสอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเรื่องสัญลักษณ์ รหัสแท่งสำหรับแสดงข้อมูลสินค้า สร้างศักยภาพเชิงแข่งขันในตลาดของต่างประเทศ รหัสแท่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสินค้าที่มีคุณภาพดี มีความน่าเชื่อถือได้ การมีรหัสประจำตัวของแต่ละประเทศทำให้ผู้ที่สนใจซื้อสินค้าสามารถทราบถึงแหล่งผลิตและติดต่อซื้อ-ขายกันได้ง่ายสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย เป็นการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออก เพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ข้อมูลจากระบบรหัสแท่ง จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถตัดสินใจวางแผน และบริหารงานด้านการผลิต การจัดซื้อ และการตลาดได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

ใช้กับธุรกิจใดบ้าง

ด้านผู้ผลิต เลขหมายประจำตัวสินค้าก่อให้เกิดวิวัฒนาการด้านบรรจุภัณฑ์ ตามหลักการ “หีบห่อก่อผลกำไรงาม” เลขหมายประจำตัวของผู้ผลิตแต่ละรายจะมีส่วนช่วยบ่งบอกถึงคุณภาพของสินค้าและแหล่งติดต่อของผู้ผลิต โอกาสทางการตลาดของผู้ผลิตจึงเปิดกว้างไปอีกมาก

สำหรับผู้ค้าส่งหรือผู้นำเข้าในต่างประเทศ มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิต หรือแหล่งผลิตที่จะสามารถจัดหาสินค้าได้สะดวกและกว้างขวางออกไป ตลอดจนมีโอกาสซื้อสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์ด้านระบบข้อมูลเพื่อการบริหารงาน โดยเฉพาะข้อมูลด้านการขายและสินค้าคงคลัง

กับระบบการค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าปลีกขนาดใหญ่แบบ Supermarket หรือ Mass market ระบบเลขหมายประจำตัวสินค้าและสัญลักษณ์รหัสแท่ง จะช่วยให้การคิดเงินและการเก็บเงินของพนักงานถูกต้องและรวดเร็วมาก จึงสามารถบริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังไม่ต้องติดป้ายบอกราคาสินค้าซึ่งมีเป็นจำนวนมากบนสินค้าแต่ละชิ้น ทำให้ลดปริมาณงานลงและสะดวกต่อการปรับราคาขาย

สะดวก & แม่นยำ

ลักษณะการทำงาน บาร์โค้ดจะถูกอ่านด้วยเครื่องสแกนเนอร์ บันทึกข้อมูลเข้าไปเก็บในคอมพิวเตอร์โดยตรง ไม่ต้องกดปุ่มที่แท่นพิมพ์ โดยอาศัยหลักของการสะท้อนแสง ทำให้มีความสะดวกรวดเร็วในการทำงานมากขึ้นเครื่องสแกนเนอร์มีชนิดต่าง ๆ กัน ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่ออ่านบาร์โค้ดที่ได้รับการพิมพ์อย่างถูกต้อง เครื่องสแกนเนอร์จะถูกต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์กลาง เพื่อทำหน้าที่เก็บข้อมูลทุกครั้งที่มีการซื้อเข้าและการขายออกได้อย่างถูกต้องแม่นยำ